รายละเอียดผลิตภัณฑ์

นโยบายและขั้นตอนด้าน AML/KYC ของ Bitget

โปรดดำเนินการให้แน่ใจว่าคุณได้อ่านนโยบายของ Bitget ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AML) และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (CFT) อย่างละเอียดแล้ว

นโยบายและขั้นตอนด้าน AML/KYC ของ Bitget

นโยบายนี้เป็นเอกสารระบุนโยบายและขั้นตอนของ Bitget ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (“AML/KYC”) เอกสารนี้มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และมิได้มีการผูกพันต่อ Bitget หรือบุคคลอื่นใดทั้งสิ้น (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ตาม)

A. หลักการและวิธีการของมาตรการ Bitget AML/CFT

Bitget มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความพยายามในการทำ AML/CFT โดยหลักการแล้ว เรามุ่งมั่นในการ

● ใช้ความระมัดระวังตรวจสอบวิเคราะห์สถานะตามควร (Due Diligence) เมื่อติดต่อธุรกิจกับลูกค้าของเราและบุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้าของเรา

● ดำเนินธุรกิจตามมาตรฐานจริยธรรมในระดับสูง และป้องกันการก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจใดๆ เท่าที่จะกระทำได้ อันเกี่ยวข้องหรืออาจเป็นการสนับสนุนการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายได้

● ช่วยเหลือและร่วมมือกับหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่าที่จะเป็นไปได้ในการป้องกันภัยคุกคามของการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

B. ระเบียบวิธีการของ Bitget ในการประเมินความเสี่ยงและการลดความเสี่ยง

การประเมินความเสี่ยง

เราคาดการณ์ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้ ณ วันที่ของนโยบายฉบับนี้ เราดำเนินการอยู่ในสาธารณรัฐเซเชลส์เป็นหลัก

ในการนี้ เราจะ

a. บันทึก และ/หรือเก็บรวบรวมบันทึกเอกสารซึ่งข้อมูลดังต่อไปนี้

1) ตัวตนของลูกค้าของเรา

2) ประเทศหรือเขตอำนาจศาลที่ลูกค้าของเราพำนักอยู่

b. ตรวจสอบให้แน่ใจเท่าที่ความรู้ ทักษะ และความสามารถของเราจะสามารถกระทำได้ ว่าลูกค้าของเรา บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าของเรา บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้าของเรา หรือบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้าของเราจะได้รับการประเมินและคัดกรองโดยอ้างถึงรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด (List of Designated Individuals and Entities) และหาว่าตรงกับ (แต่ไม่จำกัดเพียง) รายการใดต่อไปนี้หรือไม่

● สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

● สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

● อิหร่าน

● ลิเบีย

● โซมาเลีย

● ซูดานใต้

● ซูดาน

● เยเมน

● รายการคว่ำบาตรกลุ่ม Al-Qaida ที่ 1267/1989 ของสหประชาชาติ (UN Al-Qaida (1267/1989) Sanctions List)

● รายชื่อกลุ่ม Taliban ที่ 1988 ของสหประชาชาติ (UN Taliban (1988) Sanctions List)

● บุคคลที่มีชื่ออยู่ในเอกสารแนบท้ายที่ 1 ของรัฐบัญญัติการก่อการร้าย (การปราบปรามการสนับสนุนทางการเงิน) บทที่ 325

การลดความเสี่ยง

เมื่อมีการระบุตัวได้ ก็ห้ามมิให้เราเข้าติดต่อธุรกิจกับบุคคลใดในรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดดังกล่าวนั้น

C. ผลิตภัณฑ์ วิธีปฏิบัติ และระเบียบวิธีทางเทคนิคใหม่

เราจะมีการแจ้งการระบุตัวตนและการประเมินความเสี่ยงตามความเหมาะสมด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายซึ่งอาจมีขึ้นได้ในด้านต่างๆ ต่อไปนี้

● การพัฒนาผลิตภัณฑ์และวิธีปฏิบัติทางธุรกิจใหม่ รวมถึงกลไกใหม่ในการส่งมอบด้วย

● การใช้งานเทคโนโลยีทั้งที่คิดขึ้นใหม่และเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาเพื่อผลิตภัณฑ์ใหม่หรือที่มีอยู่แล้ว

เราจะให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อผลิตภัณฑ์ใหม่และวิธีปฏิบัติทางธุรกิจใหม่ใดๆ ซึ่งอำนวยความสะดวกแก่การไม่ระบุตัวตน รวมถึงกลไกใหม่ในการส่งมอบ และเทคโนโลยีทั้งที่มีขึ้นใหม่และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น บัตรผ่านดิจิทัลซึ่งอำนวยความสะดวกแก่การไม่ระบุตัวตน (ไม่ว่าจะเป็นโทเค็นหลักประกัน โทเค็นการชำระเงิน และ/หรือ Utility Token ก็ตาม)

D. แนวทางในการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะลูกค้า (“CDD”)

เราจะไม่เปิด รักษา หรือยอมรับบัญชีที่ไม่ระบุตัวตน หรือบัญชีที่ใช้นามแฝง

เราจะไม่เข้าไปมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือดำเนินการเทรดเพื่อลูกค้า เมื่อเรามีเหตุอันควรสงสัยว่าสินทรัพย์หรือกองทุนของลูกค้าเป็นผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดหรือพฤติกรรมอันเป็นอาชญากรรมอื่นๆ โดยเราจะยื่น STR สำหรับธุรกรรมดังกล่าวและส่งสำเนารายงานให้แก่ FIU ที่เกี่ยวข้องด้วย

เราจะดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะลูกค้าในสถานการณ์ต่อไปนี้

● เมื่อเราเข้าไปมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าใดๆ

● เมื่อเราดำเนินธุรกรรมเพื่อลูกค้าใดๆ ซึ่งเราไม่ได้ก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วย

● เมื่อเราได้รับโอนคริปโทเคอร์เรนซีสำหรับลูกค้าที่เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วย

● เมื่อเราสงสัยว่าอาจมีการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

● เมื่อเราสงสัยในความจริงแท้หรือเพียงพอของข้อมูลสารสนเทศใดๆ

เมื่อเราสงสัยว่าธุรกรรม 2 รายการขึ้นไปอาจมีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกัน หรือมีการจงใจจัดการปรับให้ธุรกรรมเดียวกลายเป็นธุรกรรมย่อยหลายๆ รายการเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) เราจะถือปฏิบัติว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นธุรกรรมรายการเดียวและรวมมูลค่าธุรกรรมดังกล่าวเข้าด้วยกันเพื่อปฏิบัติตามหลักการ AML/CFT

การยืนยันลูกค้า

เราจะยืนยันตัวตนลูกค้าของเราทุกคน

เพื่อการยืนยันลูกค้าของเรา เราจำเป็นต้องทราบข้อมูลต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย ได้แก่

● ชื่อเต็ม ซึ่งรวมถึงนามแฝงใดๆ ที่มี

● หมายเลขเอกสารระบุตัวตนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ (เช่น หมายเลขบัตรประจำตัว หมายเลขสูติบัตร หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง หรือในกรณีที่ลูกค้าไม่ใช่บุคคลธรรมดา ให้เป็นหมายเลขทะเบียนธุรกิจแทน) หรือ

● ที่อยู่ที่จดทะเบียน หรือที่อยู่ทางธุรกิจที่จดทะเบียน (ถ้ามี) หรือสถานที่หลักในการดำเนินธุรกิจ หากที่อยู่ที่จดทะเบียนเป็นคนละที่กับที่อยู่ทางธุรกิจที่จดทะเบียน และ

● วันเดือนปีเกิด จัดตั้ง หรือจดทะเบียน และ

● สัญชาติหรือสถานที่จดทะเบียน

หากลูกค้าเป็นนิติบุคคล นอกจากการที่เราจะดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว เราจะยังระบุประเภทนิติบุคคล ข้อบังคับต่างๆ และอำนาจที่กำกับดูแลและผูกพันลูกค้าดังกล่าวในฐานะนิติบุคคลด้วย ทั้งนี้ เราจะระบุบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน (เช่น กรรมการ หุ้นส่วน และ/หรือบุคคลที่มีอำนาจบริหารจัดการ) ด้วยการที่เราจะดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลสารสนเทศของแต่ละคนอย่างน้อยตามรายการต่อไปนี้

● ชื่อเต็ม ซึ่งรวมถึงนามแฝงใดๆ ที่มี

● หมายเลขเอกสารระบุตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น หมายเลขบัตรประจำตัว หมายเลขสูติบัตร หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง

การยืนยันตัวตนลูกค้า

เราจะใช้ข้อมูล เอกสาร หรือข้อมูลสารสนเทศที่เชื่อถือได้และเป็นอิสระในการยืนยันตัวตนของลูกค้าของเรา ทั้งนี้ ในกรณีที่ลูกค้าของเราเป็นนิติบุคคลหรือการจัดตั้งตามกฎหมาย เราจะใช้ข้อมูล เอกสาร หรือข้อมูลสารสนเทศที่เชื่อถือได้และเป็นอิสระ เพื่อยืนยันประเภทของนิติบุคคล หลักฐานการมีตัวตน ข้อบังคับต่างๆ และอำนาจที่กำกับดูแลและผูกพันลูกค้าดังกล่าว

การยืนยันตัวตนผู้แทนของลูกค้า

a. ผู้แทนของลูกค้า

หากลูกค้าแต่งตั้งบุคคลธรรมดา 1 คนขึ้นไปให้เป็นผู้แทนของตนในความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเรา หรือหากลูกค้ามิใช่บุคคลธรรมดา เราจะ

● ระบุตัวตนของบุคคลธรรมดาแต่ละคนที่กระทำการแทนลูกค้าหรือที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า ด้วยการดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลสารสนเทศดังต่อไปนี้

● ชื่อเต็มของเขา

● หมายเลขเอกสารระบุตัวตนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเขา

● ที่อยู่ของที่พักอาศัยของเขา

● วันเดือนปีเกิดของเขา

● สัญชาติของเขา

● ข้อมูลและเอกสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นอิสระ ซึ่งสามารถใช้เพื่อยืนยันตัวตนของบุคคลธรรมดาดังกล่าวได้

นอกจากนี้ เรายังจะยืนยันอำนาจกระทำการที่แต่ละคนพึงมีตามที่ได้รับมอบหมายให้กระทำการแทนลูกค้าด้วย โดยการดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลสารสนเทศดังต่อไปนี้

● หลักฐานเป็นหนังสือตามสมควรซึ่งได้อนุญาตให้มีการแต่งตั้งบุคคลธรรมดาดังกล่าวเป็นผู้แทนของลูกค้าของเรา

● ตัวอย่างลายเซ็นของบุคคลธรรมดาแต่ละคน

หากผู้ใช้อ้างว่าตนเป็นหน่วยงานรัฐ เราจะดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลสารสนเทศเพียงเท่าที่จำเป็นในการยืนยันว่าตัวตนของลูกค้าเป็นไปตามที่อ้าง

การระบุและยืนยันตัวตนบุคคลผู้รับประโยชน์

เราจะสอบถามว่าลูกค้ามีบุคคลผู้รับประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องอยู่หรือไม่

หากลูกค้ามีบุคคลผู้รับประโยชน์ 1 คนขึ้นไป เราจะทำการระบุตัวตนของบุคคลผู้รับประโยชน์นั้นและดำเนินการตามขั้นตอนตามสมควรเพื่อยืนยันตัวตนของบุคคลผู้รับประโยชน์นั้น โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อันได้รับมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นอิสระ

หากลูกค้าเป็นนิติบุคคล เราจะ

● ระบุตัวตนของบุคคลธรรมดา (ไม่ว่าจะกระทำการโดยลำพังเป็นอิสระหรือโดยร่วมมือกัน) ซึ่งเป็นเจ้าของในทอดสุดท้ายของนิติบุคคลนั้น

● หากมีข้อสงสัยว่าบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของทอดสุดท้ายของนิติบุคคลนั้นเป็นบุคคลผู้รับประโยชน์ หรือหากไม่มีบุคคลธรรมดาคนใดเป็นเจ้าของในทอดสุดท้ายของนิติบุคคลนั้นเลย ก็จะพิจารณาหาบุคคลธรรมดาผู้รับประโยชน์เป็นทอดสุดท้ายของนิติบุคคลดังกล่าว และ

● หากไม่สามารถระบุตัวตนบุคคลธรรมดาดังกล่าวได้ จะระบุตัวตนของบุคคลธรรมดาที่มีสิทธิ์ในการบังคับคดีเหนือนิติบุคคลดังกล่าวอยู่

หากลูกค้าเป็นการจัดตั้งตามกฎหมาย เราจะ

● ในกรณีของทรัสต์ เราจะระบุตัวตนผู้ก่อตั้งทรัสต์ ทรัสตี ผู้คุ้มครองผลประโยชน์ (ถ้ามี) ผู้ได้รับประโยชน์ บุคคลธรรมดาที่ใช้ความเป็นเจ้าของสูงสุด การควบคุมสูงสุด หรือการควบคุมสูงสุดตามข้อเท็จจริงเหนือทรัสต์ และ

● สำหรับการจัดตั้งตามกฎหมายในประเภทอื่นๆ ก็จะระบุตัวตนบุคคลต่างๆ ที่อยู่ในตำแหน่งฐานะเทียบเท่ากัน

หากลูกค้าของเราไม่ใช่บุคคลธรรมดา เราจะพิจารณาลักษณะ ความเป็นเจ้าของ และโครงสร้างการควบคุมของธุรกิจของลูกค้าดังกล่าว

เราจำเป็นต้องยืนยันตัวตนของบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้าดังต่อไปนี้

● นิติบุคคลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

● นิติบุคคลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการกำกับดูแล และข้อกำหนดด้านความโปร่งใสเต็มรูปแบบในอันที่เกี่ยวกับบุคคลผู้รับประโยชน์ของตน

● สถาบันการเงิน

● สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด AML/CFT ที่กำหนดโดย FATF หรือ

● เครื่องมือในการลงทุนที่ผู้จัดการเป็นสถาบันการเงินหรืออยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้าน AML/CFT ที่กำหนดโดย FATF

ให้ใช้ความข้างต้นบังคับ เว้นแต่ในกรณีที่เรามีความสงสัยต่อความถูกต้องแท้จริงของข้อมูลสารสนเทศ CDD หรือสงสัยว่าลูกค้าของเราได้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

ทั้งนี้ เราจะบันทึกหลักการพื้นฐานที่เราใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย

ข้อมูลสารสนเทศว่าด้วยวัตถุประสงค์ และลักษณะที่ต้องการสำหรับความสัมพันธ์ทางธุรกิจและธุรกรรมที่ดำเนินการโดยไม่มีการเปิดบัญชี*

เมื่อประมวลผลคำขอเข้าไปมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือเมื่อดำเนินการธุรกรรมที่ไม่เปิดเผยข้อมูล เราจำเป็นต้องทราบ และในบางกรณีตามสมควร ต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลจากลูกค้าเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และลักษณะความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือธุรกรรมที่ลูกค้าต้องการให้เกิดขึ้นนั้น

การตรวจสอบธุรกรรมที่ดำเนินการโดยไม่มีการเปิดบัญชี*

หากเรากระทำธุรกรรม 1 รายการขึ้นไปเพื่อลูกค้าโดยไม่มีการเปิดบัญชี (“ธุรกรรมปัจจุบัน”) เราจะตรวจสอบธุรกรรมก่อนหน้าซึ่งได้กระทำโดยลูกค้าคนดังกล่าวเพื่อให้แน่ใจว่าธุรกรรมปัจจุบันนั้นเป็นไปตามข้อมูลที่เราทราบเกี่ยวกับลูกค้า ธุรกิจและแบบบันทึกข้อมูลบัญชีความเสี่ยง (Risk Profile) ของลูกค้า และแหล่งที่มาของสินทรัพย์ของลูกค้าด้วย

เมื่อเราเข้าไปมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า ให้ผู้ให้บริการชำระเงินตรวจสอบธุรกรรมทั้งหมดก่อนที่จะได้เข้าไปมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้แน่ใจว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจดังกล่าวนั้นเป็นไปตามข้อมูลที่เราทราบเกี่ยวกับลูกค้า ธุรกิจและแบบบันทึกข้อมูลบัญชีความเสี่ยง (Risk Profile) ของลูกค้า และแหล่งที่มาของสินทรัพย์ของลูกค้าด้วย

เราจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแบบแผนธุรกรรมที่ซับซ้อน มีขนาดใหญ่ผิดปกติ หรือมีลักษณะผิดปกติ ซึ่งดำเนินการโดยไม่มีการเปิดบัญชี และไม่ปรากฏวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด โดยเราจะตรวจสอบเท่าที่สามารถทำได้ซึ่งเบื้องหลังและวัตถุประสงค์ของธุรกรรมข้างต้น และบันทึกผลการตรวจสอบไว้เพื่อให้ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อมีการกำหนดให้ส่งมอบข้อมูลดังกล่าว

เพื่อการพิจารณาธุรกรรมที่ดำเนินการโดยไม่มีการเปิดบัญชี เราจะตั้งและดำเนินการระบบต่างๆ ตามสมควร และประมวลผลข้อมูลในระดับที่เหมาะสมแก่ขนาดและความซับซ้อนของผู้ให้บริการชำระเงิน เพื่อ

● การตรวจสอบธุรกรรมที่ดำเนินการโดยไม่มีการเปิดบัญชี*

● ตรวจจับและรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย ซับซ้อน มีขนาดใหญ่ผิดปกติ หรือมีรูปแบบผิดปกติและดำเนินการไปโดยไม่มีการเปิดบัญชี

ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าธุรกรรมที่ได้ดำเนินการโดยไม่มีการเปิดบัญชีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย หากเราเห็นว่าเป็นการเหมาะสมที่จะดำเนินการธุรกรรมดังกล่าว ให้ผู้ให้บริการชำระเงินดังกล่าวทำการแจ้งและบันทึกเหตุผลสำหรับการดำเนินการธุรกรรมดังกล่าวไว้ด้วย

การตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

เราจะตรวจสอบความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่องต่อไป เราจะตรวจสอบการดำเนินการบัญชีของลูกค้าและตรวจสอบธุรกรรมของเขาตลอดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเรา เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามข้อมูลที่เราทราบเกี่ยวกับลูกค้า แบบบันทึกข้อมูลบัญชีความเสี่ยง (Risk Profile) ของลูกค้า และแหล่งที่มาของสินทรัพย์ของลูกค้า

เราจะดำเนินมาตรการป้องกันความเสี่ยงของเราหากธุรกรรมมีการโอนหรือการรับคริปโตไปยัง/จากนิติบุคคลเหล่านี้

● สถาบันการเงิน

● สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด AML/CFT ที่กำหนดโดย FATF

ระหว่างการมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเรา เราจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแบบแผนธุรกรรมที่ซับซ้อน มีขนาดใหญ่ผิดปกติ หรือมีลักษณะผิดปกติ ซึ่งดำเนินการโดยไม่ปรากฏวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด โดยเราจะตรวจสอบเท่าที่สามารถทำได้ซึ่งเบื้องหลังและวัตถุประสงค์ของธุรกรรมข้างต้น และบันทึกผลการตรวจสอบไว้เพื่อให้ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อมีการกำหนดให้ส่งมอบข้อมูลดังกล่าว

เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เราจะก่อตั้งและดำเนินการระบบและกระบวนการตามสมควร ซึ่งเหมาะสมกับขนาดและความซับซ้อนของผู้ให้บริการชำระเงิน เพื่อ

● ตรวจสอบความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีกับลูกค้าของเรา

● ตรวจจับและรายงานแบบแผนสำหรับธุรกรรมที่น่าสงสัย ซับซ้อน มีขนาดใหญ่ผิดปกติ หรือมีลักษณะผิดปกติ ที่ดำเนินการไปตลอดระยะเวลาของความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

เราจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูล เอกสาร และข้อมูลสารสนเทศ CDD ที่เราได้รับเกี่ยวกับลูกค้าของเรา บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้าของเรา บุคคลที่เกี่ยวโยงกับลูกค้า และบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้าของเรานั้นยังคงเกี่ยวข้อง มีประโยชน์ และเป็นข้อมูลล่าสุด ด้วยการกระทำการตรวจสอบข้อมูล เอกสาร และข้อมูลสารสนเทศ CDD ที่มีอยู่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับลูกค้าในหมวดหมู่ที่มีความเสี่ยงสูง

หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้านั้นมีความเชื่อมโยงกับการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และในกรณีที่เราเชื่อว่าเป็นการเหมาะสมที่จะยังรักษาลูกค้านั้นไว้

● เราจะทำการแจ้งและบันทึกเหตุผลสำหรับการรักษาลูกค้าดังกล่าวไว้

● เราจะดำเนินการให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างเราและลูกค้าอยู่ภายใต้มาตรการลดความเสี่ยงตามสมควร ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องในระดับที่เข้มงวดขึ้นด้วย

เมื่อเราประเมินความเสี่ยงว่าลูกค้าหรือความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเรากับลูกค้านั้นนั้นมีความเสี่ยงสูง เราคาดหวังว่าผู้ให้บริการชำระเงินจะดำเนินมาตรการ CDD ในระดับเข้มงวดขึ้น ซึ่งรวมถึงการต้องได้รับการอนุมัติจากฝ่ายจัดการระดับสูงของเราเพื่อทำการรักษาลูกค้านั้นไว้ด้วย

มาตรการ CDD สำหรับความสัมพันธ์ทางธุรกิจแบบที่มิใช่ความสัมพันธ์ต่อหน้า หรือธุรกรรมที่มิใช่ธุรกรรมที่กระทำต่อหน้า*

เราจะมีการวางนโยบายและขั้นตอนเพื่อจัดการความเสี่ยงใดๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ทางธุรกิจแบบที่มิใช่ความสัมพันธ์ต่อหน้ากับลูกค้า หรือธุรกรรมที่มิใช่ธุรกรรมที่กระทำต่อหน้า (“ปฏิสัมพันธ์ทางธุรกิจแบบที่มิใช่ต่อหน้ากัน”) ซึ่งได้กระทำโดยไม่มีการเปิดบัญชีให้ลูกค้า

เราจะบังคับใช้นโยบายและขั้นตอนดังกล่าวเมื่อก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า และเมื่อทำการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะอย่างต่อเนื่อง

ในกรณีที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้ากัน ให้ผู้ให้บริการชำระเงินดำเนินมาตรการ CDD ซึ่งอย่างน้อยต้องมีความเข้มงวดเท่ากับมาตรการที่กำหนดไว้สำหรับปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้ากัน

ในกรณีที่ผู้ให้บริการชำระเงินมีปฏิสัมพันธ์ทางธุรกิจแบบที่มิใช่ต่อหน้ากันเป็นครั้งแรก ให้ผู้ให้บริการชำระเงินเข้าว่าจ้างผู้ตรวจสอบจากภายนอกหรือที่ปรึกษาอิสระที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยเป็นค่าใช้จ่ายของตนเอง เพื่อประเมินประสิทธิภาพของนโยบายและขั้นตอนดังกล่าว รวมถึงประสิทธิภาพของโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงด้านการปลอมตนเป็นผู้อื่นด้วย

เราจะแต่งตั้งผู้ตรวจสอบจากภายนอกหรือที่ปรึกษาอิสระที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำเนินการประเมินนโยบายและขั้นตอนใหม่ และจะต้องส่งรายงานการประเมินให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ไม่เกิน 1 ปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

การอาศัยมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วระหว่างการได้มาของผู้ให้บริการชำระเงิน

ในกรณีที่เรา (“ผู้ให้บริการชำระเงินแก่ผู้รับชำระ”) ได้รับมาซึ่งรายการธุรกิจของผู้ให้บริการชำระเงินอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เราจะดำเนินมาตรการสำหรับลูกค้าที่ได้รับมาพร้อมกับรายการธุรกิจนั้น ณ เวลาที่ได้รับ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ให้บริการชำระเงินแก่ผู้รับชำระ

● ได้รับประวัติลูกค้าทั้งหมดตามสมควร (รวมถึงข้อมูลสารสนเทศ CDD) ณ เวลาเดียวกัน และไม่มีข้อสงสัยหรือข้อกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องแท้จริงหรือความเพียงพอของข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับมาโดยประการดังกล่าว

● ได้ดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ ซึ่งเป็นผลให้สิ้นสงสัยเกี่ยวกับความเพียงพอของมาตรการ AML/CFT ที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการชำระเงินแก่ผู้รับชำระ เกี่ยวกับธุรกิจหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้ให้บริการชำระเงินได้รับมา และได้บันทึกมาตรการดังกล่าวไว้อย่างถูกต้องแล้ว

มาตรการสำหรับผู้ไม่มีบัญชี*

หากเราดำเนินการธุรกรรมใดๆ เพื่อลูกค้าคนใดที่หาไม่แล้วจะไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเรา เราจะ

● ดำเนินมาตรการ CDD เสมือนว่าลูกค้าเพิ่งได้สมัครกับผู้ให้บริการชำระเงินเพื่อก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน

● บันทึกรายละเอียดไว้ให้เพียงพอเกี่ยวกับธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถจำลองธุรกรรมขึ้นใหม่ได้ รวมถึงลักษณะและวันที่ของธุรกรรม ประเภทและจำนวนสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง วันที่สร้างมูลค่า และรายละเอียดของผู้รับชำระหรือผู้โอนนั้นด้วย

การเลือกเวลาในการตรวจสอบ

เราจะยืนยันตัวตนของลูกค้า บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า และบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้าก่อนดำเนินการดังต่อไปนี้

● ผู้ให้บริการชำระเงินจะก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า

● ผู้ให้บริการชำระเงินจะดำเนินการธุรกรรมใดๆ เพื่อลูกค้า ในกรณีที่ยังมิได้ก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าโดยประการอื่น

● ผู้ให้บริการชำระเงินจะอำนวยความสะดวกการให้หรือรับโดยการโอนมูลค่าซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลูกค้า ในกรณีที่ยังมิได้ก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าโดยประการอื่น

เราอาจเข้าไปมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าก่อนที่เราจะยืนยันตัวตนลูกค้า บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า และบุคคลผู้รับประโยชน์ได้ หากอยู่ภายใต้พฤติการณ์ต่อไปนี้

● การผัดผ่อนการยืนยันออกไปก่อนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อมิให้เกิดความขัดข้องต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติ

● บริการชำระเงินสามารถจัดการความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในกรณีที่เราก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าได้ก่อนที่จะทำการยืนยันตัวตนของลูกค้า บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า และบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้า เราจะกระทำการดังต่อไปนี้

● พัฒนาและบังคับใช้นโยบายและขั้นตอนการจัดการความเสี่ยงภายในเกี่ยวกับเงื่อนไขที่อาจมีการก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจก่อนมีการยืนยันดังกล่าวได้

● ทำการยืนยันยังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามสมควร

ในกรณีที่มิได้กระทำตามมาตรการให้เสร็จสิ้น

ในกรณีที่เราไม่สามารถกระทำตามมาตรการให้เสร็จสิ้นตามที่กำหนด ห้ามมิให้เราเริ่มต้นหรือรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าคนใด หรือดำเนินการธุรกรรมใดๆ เพื่อลูกค้าคนใดก็ตาม

ในกรณีที่เราไม่สามารถกระทำตามมาตรการให้เสร็จสิ้น ให้ผู้ให้บริการชำระเงินพิจารณาว่าพฤติการณ์เป็นที่น่าสงสัยหรือไม่ เพียงพอต่อการยื่นรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (STR) หรือไม่

การกระทำตามมาตรการให้สมบูรณ์ หมายถึงสถานการณ์ที่ผู้ให้บริการชำระเงินได้ดำเนินการให้ได้มา คัดกรอง และยืนยัน (ซึ่งรวมถึงโดยการยืนยันที่ล่าช้า ตามที่ระบุอยู่ตามวรรค 6.43 และ 6.44) ซึ่งข้อมูลสารสนเทศ CDD ทั้งหมดที่จำเป็นภายใต้วรรค 6, 7 และ 8 และซึ่งผู้ให้บริการชำระเงินได้รับคำตอบที่น่าพอใจสำหรับข้อสอบถามทั้งหมดเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศ CDD ที่จำเป็นดังกล่าวนั้นแล้ว

บัญชีร่วม

สำหรับบัญชีร่วม ให้เราดำเนินมาตรการ CDD ต่อผู้ถือบัญชีร่วมทั้งหมด เสมือนว่าแต่ละคนเป็นลูกค้าแยกต่างหากจากกันของผู้ให้บริการชำระเงิน

การคัดกรอง

เราจะคัดกรองลูกค้า บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า บุคคลที่เกี่ยวโยงกับลูกค้า และบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้า โดยใช้แหล่งข้อมูลสารสนเทศด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงใช้รายการและข้อมูลสารสนเทศที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ได้ให้ไว้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิจารณาว่ามีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในอันที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าดังกล่าวหรือไม่

เราจะดำเนินการคัดกรองสำหรับสถานการณ์และสำหรับบุคคลต่อไปนี้

● เมื่อ (หรือโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามสมควรหลังจาก) เราก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าแล้ว

● ก่อนที่เราจะดำเนินการธุรกรรมใดๆ เพื่อลูกค้าใดๆ ผู้ซึ่งยังมิได้ก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้ให้บริการชำระเงินโดยประการอื่น

● ก่อนที่เราจะอำนวยความสะดวกการให้หรือรับโดยการโอนมูลค่าซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อลูกค้าซึ่งยังมิได้ก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเราโดยประการอื่น

● เป็นระยะ หลังจากที่เราได้ก่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าของเราแล้ว และ

● เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือการอัปเดตใดๆ แก่

● รายการและข้อมูลสารสนเทศที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ได้ให้ไว้แก่ผู้ให้บริการชำระเงิน หรือ

● บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า บุคคลผู้เกี่ยวโยงกับลูกค้า หรือบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้า

เราจะคัดกรองผู้ส่งคำสั่งการโอนมูลค่าและผู้ได้รับประโยชน์จากการโอนมูลค่าทั้งหมด โดยใช้รายการและข้อมูลสารสนเทศที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ได้ให้ไว้ เพื่อพิจารณาว่ามีความเสี่ยงใดๆ ด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือไม่

เราจะบันทึกผลการคัดกรองทั้งหมดไว้ด้วย

E. แนวทางของเราในการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะลูกค้าในระดับเข้มงวดขึ้น

บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง

เราจะใช้วิธีใดๆ ทุกประการตามสมควรเพื่อพิจารณาว่าลูกค้า บุคคลธรรมดาที่ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนลูกค้า บุคคลที่เกี่ยวโยงกับลูกค้า หรือบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้าเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) หรือเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดของ PEP หรือไม่

ในกรณีที่เราพิจารณาว่าลูกค้าหรือบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้าเป็น PEP หรือเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดของ PEP เราจะดำเนินมาตรการการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะในระดับที่เข้มงวดขึ้นต่อไปนี้ด้วยเป็นอย่างน้อย เพิ่มเติมจากการดำเนินมาตรการ CDD ทั่วไปของเรา ดังต่อไปนี้

● ดำเนินการให้ได้มาซึ่งการอนุมัติจากฝ่ายจัดการระดับสูงของเราเพื่อก่อและรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า

● พิสูจน์ทราบโดยวิธีการตามสมควรซึ่งแหล่งที่มาของความมั่งคั่งและแหล่งที่มาของสินทรัพย์ของลูกค้า และบุคคลผู้รับประโยชน์จากลูกค้า

● ระหว่างที่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าดำเนินไป ดำเนินการตรวจสอบความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเรากับลูกค้าในระดับที่เข้มงวดขึ้น ทั้งนี้ เราจะเพิ่มระดับและลักษณะการตรวจสอบให้เข้มงวดขึ้นด้วย สำหรับธุรกรรมใดๆ ที่ปรากฏว่ามีความผิดปกติ

หมวดหมู่ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

เราทราบว่าพฤติการณ์ ดังต่อไปนี้ ซึ่งลูกค้ามี หรืออาจมีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในระดับค่อนข้างสูง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง

● ในกรณีที่ลูกค้าหรือบุคคลผู้รับประโยชน์ของลูกค้ามาจาก หรือพำนักอยู่ในประเทศหรือเขตอำนาจศาลซึ่ง FATF ได้เรียกร้องให้มีมาตรการโต้กลับ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการชำระเงินจะปฏิบัติต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าใดๆ ดังกล่าว หรือธุรกรรมเพื่อลูกค้าใดๆ ดังกล่าวเสมือนว่ามีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในระดับค่อนข้างสูง

● ในกรณีที่ลูกค้าหรือบุคคลผู้รับประโยชน์ใดๆ ของลูกค้ามาจาก หรือพำนักอยู่ในประเทศหรือเขตอำนาจศาลที่ทราบกันว่ามีมาตรการ AML/CFT ไม่เพียงพอ ตามที่ผู้ให้บริการชำระเงินได้พิจารณาแล้วด้วยตนเอง หรือตามที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่หรือหน่วยงานกำกับดูแลต่างประเทศอื่นๆ ได้แจ้งแก่ผู้ให้บริการชำระเงินแล้ว ทั้งนี้ ให้ผู้บริการชำระเงินประเมินว่าลูกค้าใดๆ ดังกล่าวมีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายที่ในระดับค่อนข้างสูงหรือไม่

เราจะดำเนินมาตรการ CDD ในระดับที่เข้มงวดขึ้นสำหรับลูกค้าที่มีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในระดับค่อนข้างสูง หรือลูกค้าที่หน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่ได้แจ้งแก่เราว่ามีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในระดับค่อนข้างสูง

F. แนวทางต่อตราสารเปลี่ยนมือผู้ถือและข้อจำกัดการจ่ายเงินสด

เราจะไม่ทำการชำระเงินตามจำนวนเงินใดๆ โดยเป็นตราสารเปลี่ยนมือผู้ถือ

เราจะไม่ชำระเงินสดตามจำนวนใดๆ ในการดำเนินธุรกิจของเรา

G. แนวทางต่อการโอนมูลค่า (จะบังคับใช้เมื่อถูกกำหนดให้บังคับใช้)*

หากเราเป็นสถาบันผู้สั่งโอน ก่อนการดำเนินการโอนมูลค่า เราจะ

● ระบุตัวตนของผู้ส่งคำสั่งโอน และดำเนินมาตรการตามสมควรเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ส่งคำสั่งดังกล่าว (หากไม่ได้กระทำไปแล้ว)

● บันทึกรายละเอียดให้เพียงพอเกี่ยวกับการโอนมูลค่านั้น รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง วันที่ที่ทำการโอนมูลค่า ประเภทและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่โอน และวันที่สร้างมูลค่า

หากเราเป็นสถาบันผู้สั่งโอน เราจะกำกับข้อมูลต่อไปนี้ไว้ในบันทึกข้อความหรือคำแนะนำในการชำระเงินที่แนบไว้หรือเกี่ยวข้องกับการโอนมูลค่าด้วย ได้แก่

● ชื่อผู้สั่งโอน

● หมายเลขบัญชีของผู้ส่งคำสั่งโอน (หรือหมายเลขอ้างอิงธุรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้ามี)

● ชื่อบุคคลผู้รับประโยชน์

● หมายเลขบัญชีของบุคคลผู้รับประโยชน์ (หรือหมายเลขอ้างอิงธุรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้ามี)

การโอนมูลค่าที่เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

สำหรับการโอนมูลค่าที่เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และในกรณีที่เราเป็นสถาบันผู้สั่งโอน เราจะระบุตัวตนผู้ส่งคำสั่งโอนและยืนยันตัวตนของผู้ส่งคำสั่งนั้น รวมถึงจะกำกับข้อมูลในบันทึกข้อความหรือคำแนะนำในการชำระเงินที่แนบไว้หรือเกี่ยวข้องกับการโอนมูลค่าด้วย ซึ่งรายการใดๆ ต่อไปนี้

● ที่อยู่ของที่พักอาศัยของผู้ส่งคำสั่งโอน หรือ

● ที่อยู่ที่จดทะเบียน หรือที่อยู่ทางธุรกิจ (หรือสถานที่หลักในการดำเนินธุรกิจ หากที่อยู่ที่จดทะเบียนเป็นคนละที่กับที่อยู่ทางธุรกิจ) ของผู้ส่งคำสั่งโอน

● หมายเลขเอกสารระบุตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ส่งคำสั่งโอน หรือ

● วันเดือนปีและสถานที่เกิดของผู้ส่งคำสั่งโอน และที่จัดตั้งหรือจดทะเบียนการโอนมูลค่านั้น

เราจะส่งข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้ส่งคำสั่งการโอนมูลค่าและผู้รับการโอนมูลค่าทั้งหมดแก่สถาบันที่รับประโยชน์โดยทันทีและอย่างปลอดภัย และจะบันทึกข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวไว้ด้วย ในกรณีที่เรา ในฐานะสถาบันผู้สั่งโอน ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ เราจะไม่ดำเนินการการโอนมูลค่านั้น

หากเราเป็นสถาบันผู้รับโอน เราจะดำเนินมาตรการตามสมควรเพื่อระบุการโอนมูลค่าที่ขาดรายการผู้ส่งคำสั่งการโอนมูลค่าหรือสถาบันผู้รับการโอนมูลค่าตามที่กำหนด

สำหรับการโอนมูลค่าที่เรา ในฐานะสถาบันผู้รับโอนได้จ่ายออกซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้โอนไปแล้วเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดแก่ผู้รับการโอนมูลค่า เราจะระบุตัวตนและยืนยันตัวตนของผู้รับการโอนมูลค่านั้น (หากยังมิได้ยืนยันตัวตนบุคคลดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้)

เราจะดำเนินการตรวจสอบก่อนดำเนินการโอนมูลค่าที่ขาดข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้ส่งคำสั่งการโอนมูลค่าหรือผู้รับการโอนมูลค่าตามที่กำหนด และจะบันทึกการดำเนินมาตรการสืบเนื่องของเราไว้ด้วย*

หากเราเป็นสถาบันตัวกลาง เราจะเก็บรักษาข้อมูลสารสนเทศทั้งหมดที่เกี่ยวกับการโอนมูลค่าไว้

ในกรณีที่เรา ในฐานะสถาบันตัวกลาง ดำเนินการโอนมูลค่าไปยังสถาบันตัวกลางอีกต่อหนึ่งหรือไปยังสถาบันผู้รับโอน เราจะส่งข้อมูลสารสนเทศที่คู่กับการโอนมูลค่านั้นอย่างปลอดภัยไปยังสถาบันตัวกลางอื่นนั้นหรือสถาบันผู้รับโอนทันที

หากเราเป็นสถาบันตัวกลางข้างผู้รับโอน ให้เราเก็บรักษาประวัติข้อมูลสารสนเทศทั้งหมดที่เราได้รับจากสถาบันผู้สั่งโอนหรือสถาบันตัวกลางอื่นไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี

เราจะดำเนินมาตรการตามสมควรเพื่อระบุการโอนมูลค่าที่ขาดข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้ส่งคำสั่งการโอนมูลค่าหรือผู้รับการโอนมูลค่าระหว่างทำการประมวลผลโดยตรง (Straight-Through Processing)

H. การเก็บรักษาประวัติ

เราจะเก็บรักษาประวัติอย่างถูกต้องเหมาะสมตามที่กำหนดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี

I. ข้อมูลส่วนบุคคล*

เราจะรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าของเราโดยวิธีที่ได้ระบุไว้

J. รายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (STR)

เราจะแจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและส่ง STR ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เรายังจะเก็บรักษาประวัติและรายการธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าวและ STR ทั้งหมดนั้นด้วย

K. นโยบายการปฏิบัติตามกฎหมาย การตรวจสอบ และการฝึกอบรมของเรา

เรามีการดำเนินมาตรการหลายประการ เช่น เราจะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายด้าน AML/CFT ในระดับผู้จัดการ มีการคงไว้ซึ่งกระบวนการการตรวจสอบที่เป็นอิสระ และดำเนินมาตรการเชิงรุกในการฝึกอบรมลูกจ้างของเราในประเด็น AML/CFT อย่างสม่ำเสมอ

การประเมินความเสี่ยงด้านการเงินการฟอกเงิน/การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในระดับทั่วทั้งองค์กร

เราจะดำเนินมาตรการประเมินความเสี่ยงด้านการเงินการฟอกเงิน/การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในระดับทั่วทั้งองค์กร โดยเป็น 3 เฟส ได้แก่

เฟสที่ 1: การประเมินความเสี่ยงที่มีอยู่

เราจะประเมินความเสี่ยงที่มีอยู่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเราในด้าน

● ลูกค้าหรือนิติบุคคล: เราจะทำการประเมินเกี่ยวกับลูกค้า และ/หรือนิติบุคคลที่เราติดต่อธุรกิจด้วย

● ผลิตภัณฑ์หรือบริการ: เราจะมีการพิจารณาผู้ที่เราให้บริการคริปโทเคอร์เรนซีแบบ OTC ด้วย

ระดับภูมิภาค: ห้ามมิให้เราเข้าติดต่อธุรกิจกับลูกค้าที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดต่างๆ

เฟสที่ 2: การประเมินการควบคุมเชิงแก้ไข

เราจะประเมินการควบคุมเชิงแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับรายการข้างต้น โดยเราจะตรวจสอบและดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะในระดับที่เข้มงวดขึ้นกับลูกค้าใดๆ และ/หรือลูกค้าทุกคนที่เราถือว่าน่าสงสัย

เฟสที่ 3: การประเมินความเสี่ยงที่เหลืออยู่

เราจะประเมินความเสี่ยงที่เหลืออยู่หลังจากการประเมินการควบคุมเชิงแก้ไขแล้ว